แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสามแต้มหลุดมือไปอย่างน่าเสียดายเมื่อโดน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ตีเสมอในช่วงนาทีสุดท้าย เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ “ปีศาจแดง” เก็บได้เพียง 1 คะแนน และมี 17 แต้มรั้งอันดับ 9 ในตารางลีกสูงสุดเมืองผู้ดี
แมตช์ต้องบอกว่ามีเรื่องดราม่าให้พูดกันเยอะ โดยเฉพาะในครึ่งแรกใครจะไปคิดว่า “ปีศาจแดง” จะยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียว แถมยังโดนเจ้าบ้านกดจนโงหัวไม่ขึ้นในช่วง 45 นาทีแรก พร้อมกับฟอร์มสุดเหวอของ ฟิล โจนส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญทำให้ทีมเสียประตู
ขณะที่ครึ่งหลังยังมาโดนบวกเพิ่ม แต่จากนั้นดาวรุ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับเป็นกำลังสำคัญให้ทีมพลิกสถานการณ์ขึ้นนำ 3-2 ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่สุดท้ายการปรับแท็คติกที่ผิดพลาดของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำให้ทีมต้องมาโดนตีเสมออย่างน่าเจ็บปวด
1. ดาวรุ่งรวมพลังประจัญบาน
ตอนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ตกเป็นรอง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สองประตู พวกเขาต้องการนักเตะที่มีประสบการณ์ในการช่วยทีมพลิกนรกให้ได้ แต่กลายเป็นว่า “ปีศาจแดง” ได้สองดาวรุ่งสำคัญที่ช่วยทำให้ทีมสามารถกลับคืนสู่เกมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
คนแรกก็คือดาวรุ่งแห่งอนาคตว่าที่แบ็กซ้ายตัวจริงได้แก่ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ วัย 19 ปี ซึ่งยิงประตูสุดสวยให้กับทีมรักด้วยเท้าขวาแบบไม่จับ ก่อนที่ เมสัน กรีนวู้ด ดาวเตะวัย 18 ปีที่ลงมาเล่นเป็นตัวสำรอง จะส่งบอลเข้าซุกก้นตาข่ายช่วยทีมตีเสมอได้อย่างสุดยอด
2. การหวนคืนรังเก่า แม็กไกวร์
แฮร์รี่ แม็กไกวร์ สวมบทกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมเยือนบรามอลล์ เลน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และเป็นการคืนสู่เหย้าถิ่นเกิดของเจ้าตัวด้วย
เซนเตอร์แบ็กเจ้าของค่าตัวแพงที่สุดในโลก เคยเป็นเด็กในศูนย์ฝึกเยาวชน “ดาบคู่” และลงสนามให้กับสโมสรแห่งนี้มาแล้ว 160 แมตช์ก่อนที่จะย้ายไปเล่นกับ ฮัลล์ ซิตี้, เลสเตอร์ ซิตี้ และ จากนั้นก็ได้รับโอกาสให้มายืนคุมแนวรับในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
3. ครึ่งแรกดาบคู่โหดสลัดสับไม่เลี้ยง แมนฯ ยูไนเต็ด
พูดกันตรงๆ มีครั้งไหนบ้างที่จะเห็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดนกดดันอย่างหนักในเกมพรีเมียร์ลีก แต่ตอนนี้สถานการณ์ดังกล่าวมักจะเห็นได้บ่อยๆ นับตั้งแต่ที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือจาการคุมทัพ “ผีแดง” พร้อมตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2012/13
เกมนี้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด โชว์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ใช่แค่น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา และจะเป็นหมูให้ใครๆ เชือดเล่นได้ เพราะแมตช์นี้เจ้าบ้านเล่นได้อย่างแข็งแกร่งในครึ่งแรก โดยสามารถกดดัว แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ตลอด 45 นาที
4. วันพินาศฟิล โจนส์
การที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ บาดเจ็บทำให้ ฟิล โจนส์ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกครั้งแรกในซีซั่นนี้ แถมช่วงก่อนเกม โซลชา ยังชื่นชมเจ้าตัวยกใหญ่และยังยกย่องว่าเล่นได้ทั้งกองกลาง กับกองหลัง ฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เขาจะได้รับโอกาสสำคัญในแมตช์นี้
คนเราเมื่อได้รับโอกาสต้องฉกฉวยเอาไว้ให้ได้ แต่ โจนส์ ทำไม่ได้ เพราะเกมนี้คอลูกหนัง และสาวก “เร้ด อาร์มี่” คงเห็นเต็มสองตาแล้วว่านักเตะรายนี้ไม่มีอะไรที่จะเหมาะสมลงเล่นตัวจริงเลย ที่สำคัญยังเข้าบอลโฉ่งฉ่างราวกับเด็กเพิ่งหัดเล่น
5. มุสเซต เหมาะสมกับ “ดาบคู่”
ตอนที่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ควักกระเป๋า 10 ล้านปอนด์ (ราว 380 ล้านบาท) เพื่อเซ็นสัญญากับ ลีส์ มุสเซต ซึ่งนั่นคือการจ่ายเงินเป็นสถิติตของสโมสรเลยทีเดียว โดยตอนแรกหลายๆ คนมองว่า บอร์นมัธ ประสบความสำเร็จในการเจรจาเพื่อนำค่าตัวนักเตะรายนี้เข้ากระเป๋า
เหตุผลก็เพราะสมัยที่ ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ เล่นให้ บอร์นมัธ เขายิงได้แค่ 3 ประตูจากการเล่น 58 แมตช์ในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี แต่งานนี้ขอบอกว่า มุสเซต ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับการเล่นให้ “ดาบคู่” โดยเฉพาะเกมรับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประตูแรกที่ทีมขึ้นนำได้มาจากการทำทางของ มุสเซต ขณะที่ประตูที่สองมาจากความสามารถเฉพาะตัวที่วิ่งเลี้ยงบอลก่อนตัดเข้าและตะบันประตูสวยสดงดงามช่วยให้ทีมนำ 2-0 โดยนี่เป็นประตูที่สี่จาก 10 เกมที่เล่นในฤดูกาลนี้ มากกว่าที่เขาเล่นกับทัพ “เดอะ เชอร์รี่ส์” มาตลอด 3 ปี
6. โซลชา วางแท็คติกผิดพลาด
นับตั้งแต่เสียงนกหวีดแรกดังขึ้น ทุกๆ คนคงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า โซลชา วางแท็คติกได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง โดย แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มต้นด้วยการใช้ระบบ 3-4-3 ให้ เฟร็ด กับ อันเดรียส เปเรยร่า ยืนคู่กันในแผงกองกลาง จากนั้นก็ดัน แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ขึ้นมาเล่นเป็นวิงแบ็กซ้าย โดยให้ ฟิล โจนส์ ยืนฝั่งซ้ายร่วมกับ 3 กองหลัง
ด้วยเหตุนี้ทำให้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เลือกเปิดเกมใส่ทางกราบซ้าย “ผีแดง” อย่างหนัก เพราะ โจนส์ เอาไม่อยู่ ขณะที่ วิลเลี่ยมส์ ก็อ่อนประสบการณ์ด้วย สุดท้ายเจ้าบ้านได้ประตูขึ้นนำจากการเล่นทางฝั่งซ้าย ด้วยเหตุนี้ กุนซือเบบี้เฟซ จึงต้องถอด โจนส์ ออกในช่วงพักครึ่ง เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบ
จะว่าไปแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเล่นในระบบ 4-3-3 แถมยังมีโอกาสยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องหลังขึ้นนำไปแล้ว แต่การเปลี่ยนเอากองหลังลงมาโดยหมายจะปิดเกม กลายเป็นเปิดโอกาสให้ “ดาบคู่” ได้เล่นเกมบุกมากขึ้น บทสรุปก็เลยได้แค่แบ่งแต้มเท่านั้น
คลิกเลย >>> UFABETWINS
อ่านข่าวอื่นๆที่ >>> https://www.quel-reflex.com