“โค้ชทุกคนมีความหมายต่อการค้าแข้งของผม แต่ หลุยส์ อาราโกเนส คือโค้ชที่มีความหมายกับผมนอกสนามมากที่สุด”

ดาบิด บีย่า ซานเชซ ให้สัมภาษณ์กับ MARCA ในหลายๆ เรื่อง หนึ่งในนั้นคือการถูกถามว่าโค้ชคนไหนที่เขาประทับใจมากที่สุด
“เอล กวาเฆ่” ประกาศแขวนสตั๊ดหลังจบศึก เจ-ลีก ฤดูกาลนี้ ด้วยวัยเฉียดๆ 38 ปี
ต้องบอกว่าช่วง 4-5 ปีหลังเราเกือบลืมชื่อของ บีย่า ไปแล้ว ทั้งที่นี่คือหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดเท่าที่สเปนเคยมีมา
เขาเป็นเจ้าของสถิตินักเตะผู้ทำประตูให้ทัพ ลา โรฆ่า มากที่สุดด้วยจำนวน 59 ประตู
เขาเก่งกว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส เขามีผลต่อเกมมากกว่า ราอูล กอนซาเลซ ด้วยซ้ำเวลาลงเล่นในนามทีมชาติ
บีย่า เกิดมาเพื่อเป็นจอมถล่มประตู
เพื่อนๆ ที่ดูบอลมานานหน่อยคงยังจำ บีย่า ได้ดี ยังจำความเก่งของเขาได้ดี และจำได้ว่าเส้นทางอาชีพของเขาเป็นอย่างไร
แม้จะเริ่มต้นกับ สปอร์ติ้ง กิฆอน แต่เขามาดังเอาตอนอยู่กับ เรอัล ซาราโกซ่า ในช่วงปี 2003-2005 ช่วงนั้นมีข่าวหลายทีมใหญ่ให้ความสนใจ ก่อนที่ บาเลนเซีย ยุคที่มี กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส คุมทีม ตัดสินใจทุ่มเงิน 12 ล้านยูโร ดึงเขาไปร่วมทีม ในหน้าร้อนปี 2005 ขณะนั้น บีย่า อายุ 23
ยุคนั้นเงิน 12 ล้านยูโรถือว่าไม่น้อย 
บีย่า ลงเล่นเกมแรกให้ค้างคาวก็ทำประตูได้ทันทีในศึก อินเตอร์โตโต้ คัพ ที่เตะกับ เกนท์
ใน ลา ลีกา เขาประเดิมด้วยการเป็นตัวสำรอง บาเลนเซีย ชนะ เรอัล เบติส 1-0
เกมต่อมา บาเลนเซีย เจอกับ ซาราโกซ่า ทีมเก่าของเขาเอง ซาราโกซ่า นำ 2-1 มาจนถึงช่วงท้าย นาทีที่ 81 เขาลงสนามไปแทน รูเบน บาราฆ่า และใช้เวลาเพียงนาทีเดียวก็ตีเสมอให้ บาเลนเซียได้สำเร็จ 2-2
แค่นั้นเอง บีย่า ก็ฉุดไม่อยู่ เขาได้ย้ายมาเล่นให้ทีมที่ใหญ่ขึ้น เต็มไปด้วยมิดฟิลด์ฝีเท้าดีที่จะคอยเปิดป้อนให้ จบฤดูกาลแรกกับบาเลนเซีย เขากดไป 25 ประตูจาก 37 เกมลีก
บีย่า อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านของ บาเลนเซีย จากทีมที่ ราฟา เบนิเตซ เคยทำได้แชมป์ พวกตัวเก๋าๆ ซานติอาโก้ กานญีซาเรซ, มิเกล มอนเตยโร่, ดาบิด อัลเบลด้า, รูเบน บาราฆ่า, มิเกล อังกูโล่, บิเซนเต้ โรดริเกซ, อเมเดโอ คาร์บอนี่, ปาโบล ไอมาร์, ฟรานซิสโก้ รูเฟเต้, มิเกล อังเคล มิสต้า
จนมาถึงพวกดาวรุ่งอย่าง ปาโบล เอร์นานเดซ, ราอูล อัลบิโอน ลากมาจนถึง ดาบิด ซิลบา และ ฆวน มาต้า ในภายหลัง
ในยุคกลาง 2000 บาเลนเซีย ของ เบนิเตซ นี่แหละเป็นหนึ่งในทีมที่เอาระบบ 4-2-3-1 มาใช้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวและต่อเนื่อง
ส่งต่อระบบนี้ให้แพร่หลายไปทั่วยุโรป เป็นยุคที่ 4-2-3-1 เฟื่องฟูสุดๆ และในระบบนี้ บีย่า ได้เฉิดฉายสุดขีด
บีย่า เป็นกองหน้าตัวกระทัดรัด ไม่สูงไม่เตี้ย ร่างกระชับ ทีเด็ดของบีย่า คือสปีดต้น การเลี้ยงบอลและกระชากในระยะสั้นๆ บวกกับการจบสกอร์ที่เฉียบขาดสุดๆ จมูกไว
การยิงของ บีย่า สามารถยิงได้หมด ยิงแรงเข้ามุม ยิงเล่นทาง ลูกโหม่งก็ดี แถมเล่นเป็นทีมดี ครองบอลดี เป็นกองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งของยุค

ย้อนไปในรอบ 10 ปีก่อน ลองจับมาเทียบกันตัวๆ ได้เลย หาตัวเทียบได้ไม่กี่คน

ในฐานะที่ตัวเองเป็นแฟนบาเลนเซีย ยอมรับว่าดีใจมากตอนที่ทีมซื้อหมอนี่มาจากซาราโกซ่า ยิ่งเห็นเล่นแล้วก็ยิ่งไม่ผิดหวัง
น่าเสียดายตรงที่ ในช่วงเวลา 5 ปีที่เขาอยู่กับ บาเลนเซีย ทีมไม่แข็งแกร่งครบเครื่องเหมือนก่อน
อีกทั้งนักเตะเก่งๆ หลายคนมักโดนทีมใหญ่กว่าคว้าตัวไปร่วมทีมเสมอ ดาบิด ซิลบา, ฆวน มาต้า
ส่วนตัวเก่งหลักๆ ก็เริ่มโรยทั้ง การ์ลอส มาร์เชน่า, ดาบิด อัลเบลด้า, รูเบน บาราฆ่า, มิเกล มอนเตยโร่ และอีกหลายๆ คน
แชมป์เดียวที่ บีย่า ได้มากับทีมค้างคาวคือ โกปา เดล เรย์ ในปี 2007/08
ในที่สุด หน้าร้อนปี 2010 บีย่าในวัย 28 ปีก็ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในยุคที่ดีที่สุดของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร
แม้จะไม่ได้เป็นพระเอกโดดเด่นเหมือนตอนอยู่บาเลนเซีย แต่การได้อยู่ในทีมที่สุดยอด บีย่า ก็ประสบความสำเร็จสูงสุดทันที ปีแรกเขาช่วยให้ บาร์ซ่า คว้าทั้ง ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส ลีก
โดยเฉพาะในนัดชิง ชปล. 2011 ที่เวมบลีย์ มันกลายเป็นเกมแห่งความทรงจำของ บีย่า เพราะเขาทำประตูปิดท้ายให้ บาร์ซ่า สอนเชิงแมนฯ ยูไนเต็ด 3-1
ยังจำบรรยากาศได้ดี เพราะโชคดีได้เป็นหนึ่งในสักขีพยานดูเกมนี้ด้วยตาตัวเองในเวมบลีย์วันนั้น
“ประตูที่ผมชอบที่สุดคือเกมที่เวมบลีย์ ในนัดชิงชนะเลิศ ชปล. กับบาร์ซ่า เจอกับ ยูไนเต็ด”
แต่เหนือสิ่งอื่นใด บีย่า คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระดับทีมชาติของสเปน
เขาเป็นตัวหลักในยูโร 2008 และ เวิลด์ คัพ 2010 ถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกที่สเปนรอคอยมานาน
สิ่งที่ดูเหมือนเป็นเพียงความฝัน มันกลายเป็นจริงสำหรับเขา “ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตผมคือนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ไม่ต้องสงสัยเลย”
“ตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว ผมฝันเห็นนักเตะสเปนชูถ้วยแชมป์โลก แม้มันจะไม่ได้เป็นตัวผมก็ตามที แต่ผมโชคดีที่ดันทำมันได้สำเร็จจริงๆ”
น่าเสียดายที่ บีย่า มีอาการเจ็บและฟิตไม่ทัน ยูโร 2012 ทัวร์นาเมนต์สุดท้ายที่สเปนยุครุ่งเรืองครองความยิ่งใหญ่
แอตเลติโก มาดริด คือสโมสรสุดท้ายในสเปนของเขา บีย่า เล่นที่นี่ 1 ปี ก่อนเซ็นซบ นิวยอร์ค ซิตี้ ในปี 2014
เมื่อเขาเดินทางข้ามมหาสมุทรไปอเมริกา ภาพต่างๆ ก็ค่อยๆ เลื่อนไปตามวัฎจักรของมัน
นักเตะหน้าใหม่เลื่อนขึ้นมาแทน โลกโซเชียลกำลังเบ่งบานสุดขีด ทุกอย่างไปไวมากๆ
เผลอแป้บเดียว บีย่า ก็อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของอาชีพ เขาเลือกมาญี่ปุ่น เพื่อทิ้งทวนกับ วิสเซิล โกเบ
ในช่วง 2 ปีที่แล้ว เขายังโดนเรียกมาติดทีมชาติอีกครั้งในช่วงสั้นๆ ในเกมคัดบอลโลก 2018 หลังจากเคยประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปหนนึงเมื่อปี 2015
ยอมรับว่าแทบไม่ได้ตามข่าวของ บีย่า เมื่อย้ายมาเล่นให้ วิสเซิล โกเบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฟอร์มเขาเป็นยังไงบ้าง จนมาเปิดสถิติดูว่ายิงไป 12 ประตูจาก 26 นัดใน เจ ลีก
จนเขาประกาศแขวนสตั๊ด ทำให้ความรู้สึกเก่าๆ คืนกลับมา

กองหน้าเบอร์ 7 ไว้เครา พุ่งทะยานไม่ยอมแพ้ และจบสกอร์ได้คมกริบ ภาพเหล่านั้นหวนเข้ามาทำให้ระลึกถึง

เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ จากเด็กหนุ่มวัย 20 ต้นๆ จนมาเป็นผู้เล่นมากประสบการณ์ในวัย 37-38 
ก็อย่างที่เขาได้กล่าวไว้ตอนประกาศเลิกเล่น “ผมบอกลาฟุตบอลก่อนที่ฟุตบอลจะบอกลาผม”
ขอบคุณสำหรับทุกความทรงจำ “เอล กวาเฆ่” เด็กชายจากอัสตูเรียส

คลิกเลย >>> www.ufabetwinS.com

อ่านข่าวอื่นๆที่ >>> https://www.quel-reflex.com