UFABETWINS สแลมดังก์ คือการ์ตูนบาสเกตบอลที่ดังที่สุด ด้วยลีลาการเล่าเรื่องของ อ.ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ

ซึ่งในเรื่องนี้มีตัวละครหลากหลายตัวรับบทโดดเด่นทำให้เนื้อเรื่องเข้มข้นเร้าใจ โดยเฉพาะฝ่าย “พระเอก” อย่างทีม โชโฮคุ นั้น ถือเป็นจุดขายของเรื่องนี้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม วันนี้เราจะเล่าเรื่อง “เบื้องหลัง” ที่ทำให้ โชโฮคุ ทีมม้านอกสายตาสามารถเข้าไปแข่งขันในศึกชิงแชมป์ประเทศระดับมัธยมปลายอย่าง

รายการ “อินเตอร์ ไฮ” ได้ … นั่นคือชายร่างท้วมที่มีบทพูดน้อยมาก แต่เมื่อเขาอ้าปากพูดเมื่อไหร่ ประโยคนั้นมักจะเป็นประโยคอมตะของเรื่อง สแลมดังก์ เลยทีเดียวนี่เรื่องราวของ อาจารย์อันไซ ที่แฟนๆ มักจะเห็นการโดนดึงเหนียงโดย ซากุรางิ เป็นประจำ … แท้จริงแล้วชายคนนี้สำคัญกับโชโฮคุแค่ไหน และชายอ้วน

อย่างเขารู้เรื่องบาสเกตบอลมากเท่าไหร่? ติดตามได้ที่นี่ พุทธองค์ผมขาว ในเรื่อง สแลมดังก์ นั้น การเปิดเรื่องในเล่มแรกนั้นจะเล่าถึงการรวมทีมชมรมบาสของ โชโฮคุ ขึ้นมาใหม่ ซึ่งเดิมทีมีเพียง อาคางิ ทาเคโนริ เป็นกัปตันทีมและตัวชูโรงเพียงรายเดียวเท่านั้น จากนั้นจึงค่อยๆ ประกอบทีมเพิ่มขึ้นมาทีละคนๆ นำโดย 2

ผู้เล่นปีหนึ่งหน้าใหม่อย่าง รุคาว่า คาเอเดะ และ ซากุรางิ ฮานามิจิ ก่อนจะตามมาด้วย มิยางิ เรียวตะ และปิดท้ายด้วยคนที่ 5 อย่าง มิสึอิ ฮิซาชิ นอกจาก ซากุรางิ ที่เป็นพระเอกแล้ว ที่เหลือจัดว่าเป็นผู้เล่นฝีมือดีทั้งสิ้น ทว่าต่างคนต่างมีความแสบและมีโลกส่วนตัวสูง รุคาว่า เป็นคนเงียบๆ, อาคางิ เป็นคนจริงจัง, มิยางิ และ

มิสึอิ 2 คนนี้มีความเป็นขาโจ๋มาดนักเลงก่อนที่จะรวมทีมแบบเต็มด้วย ด้วยลักษณะนิสัยแต่ละคน ทำให้การจะรวม โชโฮคุ ให้เป็นทีมที่มีความเป็นหนึ่งเดียว ทั้งในแง่ของการเล่นและการเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พวกเขาจำเป็นจะต้องมีศูนย์รวมจิตใจผู้เล่นเหล่านี้ ซึ่งในเรื่องก็ได้วางตัว อาจารย์อันไซ หรือ

มิสึโยชิ อันไซ ชายร่างอ้วนที่มีภาพลักษณ์แบบผู้ใหญ่ใจดี ด่าใครไม่เป็น ไม่บังคับขู่เข็ญใครให้เห็นเลยตลอดทั้งเรื่อง และมักจะถูกพระเอกอย่าง ซากุรางิ ลามปามเป็นประจำแต่ก็ไม่เคยโกรธ จนถูกตั้งฉายาว่า “พุทธองค์ผมขาว” เลยทีเดียว แรกเริ่มนั้นไม่มีการเปิดเผยเบื้องหลังของอาจารย์อันไซ ว่าเขาผ่านอะไรมา

UFABETWINS

บ้างก่อนที่จะได้มาเป็นโค้ชของทีม โชโฮคุ แต่สิ่งที่คนดูจะได้เห็นคือการค่อยๆ เผยทักษะการเป็นผู้นำที่สุดยอดของชายร่างท้วมคนนี้ขึ้นมาทีละนิดๆ จนรู้ตัวอีกที อาจารย์อันไซก็กลายเป็นตัวละครโปรดของแฟนๆ หลายคนเลยทีเดียว ตัวของอาจารย์อันไซ นั้นมีแนวคิดในเรื่องของ “ความเป็นทีม” มากที่สุด แมตช์แรก

อย่างเป็นทางการที่ โชโฮคุ ลงสนามเจอกับ โรงเรียนมัธยม มิอุระได คือแมตช์ที่ผู้เล่นตัวหลักภายในทีมอย่าง รุคาว่า, ซากุรางิ,มิยางิ และ มิตสึอิ ออกสตาร์ทเป็นตัวสำรอง เนื่องจากพวกเขามีเรื่องมีราวกันก่อนเกมจะเริ่ม ตัวของ อาจารย์อันไซ ไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวในตอนที่ทะเลาะกันมากมายนัก แต่เขาก็มาเฉลยเหตุผล

ที่ดรอปเหล่าตัวจริงในเกมสำคัญ เมื่อ ซากุรางิ ถามหาเหตุผลว่า ทำไมจึงไม่ได้ลงสนามสักที อาจารย์อันไซ จึงตอบกลับเพียงแค่ว่า “แล้วพวกเธอจะทะเลาะกันทำไมล่ะ?” ซึ่งเป็นคำตอบที่ซ่อนเอาความแข็งแกร่งและอ่อนโยนไว้ในเวลาเดียวกัน และทำให้ผู้เล่นโชโฮคุรู้ตัวว่าตนเองได้ทำในสิ่งที่ผิดพลาดลงไป ผ่านการ

สอนทางอ้อมของอาจารย์อันไซ ประโยคสั้นๆจากปากของ อาจารย์อันไซ ถือเป็นประโยคพีกของเรื่องนี้มากมายทั้ง “อย่าทิ้งความหวังจนกว่าจะหมดเวลา เพราะถ้าทิ้งความหวังไป เกมก็จบ” ประโยคนี้เขาพูดกับ มิสึอิ ตอนที่ มิสึอิ เป็นดาวเด่นระดับ ม.ต้น ซึ่งทำให้ มิสึอิ ติดตามและเคารพในตัวอาจารย์อันไซ จนมา

เข้าทีมโชโฮคุในภายหลัง นอกจากนี้ยังมีประโยคปลุกใจลูกทีมสั้นๆ แต่เข้าสามาเข้าถึงทุกคนได้อย่าง “อย่าลืมว่าพวกเธอแข็งแกร่ง” เป็นต้น หากเปรียบให้เห็นภาพแบบเข้าใจง่ายๆ อาจารย์อันไซ คล้ายกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อาจจะไม่ได้โดดเด่นนักในฐานะยอดกุนซือ

จอมวางแท็คติกและคิดแผนที่ซับซ้อน แต่โดดเด่นและฉายแสงสุดๆ ในเรื่องจิตวิทยา การเป็นผู้นำ และการอ่านคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สามารถเค้นเอาความสามารถที่ดีที่สุดของผู้เล่นแต่ละคนออกมาได้ จนทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของทีมนั่นเอง ปริศนาของอาจารย์อันไซ อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ในข้างต้นว่า ในเรื่องนั้นไม่

ได้มีการบอกเล่าที่มาที่ไปของอาจารย์อันไซมากนัก ว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจมาอยู่ที่โชโฮคุ มีเพียงบางตอนที่พยายามเล่าว่า เมื่อครั้งอดีตอาจารย์อันไซเคยเป็นโค้ชทีมบาสเกตบอลในระดับมหาวิทยาลัย ก่อนจะมีเรื่องที่ทำให้เจ้าตัวผิดหวัง จนเลือกจะถอยออกมาอยู่กับทีมเล็กๆ ที่ไม่มีความกดดันและไม่มีชื่อเสียง

อย่าง โชโฮคุ นั่นเอง และแน่นอนว่า ไม่มีใครรู้ว่าเหตุการณ์ในอดีตนั้นต้องย้อนไปกี่ปี รวมถึงอาจารย์อันไซเป็นโค้ชของโชโฮคุมานานเท่าไหร่ก่อนที่สแลมดังก์ตอนที่ 1 จะตีพิมพ์ แต่ที่แน่ๆ ทุกคนได้รู้ว่า อาจารย์อันไซ กลับมามีไฟในการทำทีมบาสเกตบอลอีกครั้งเมื่อได้เห็นอัจฉริยะอย่าง รุคาว่า ที่โดนโรงเรียนดังจีบไป

ร่วมทีมมากมายแต่สุดท้ายก็เลือกโชโฮคุเพราะว่าเป็นโรงเรียนใกล้บ้าน และ ซากุรางิ ที่มีร่างกายพร้อมเป็นนักบาสที่ดีและมีพลังแฝงผ่านความมุ่งมั่น ที่ถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่เอาไหน แต่เมื่อได้ลองเล่นบาสเกตบอลเป็นครั้งแรกเขาก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่ อาจารย์อันไซ ค่อยๆ เผยไต๋ตัวเองออกมาทีละน้อย ผ่านการสอนผู้เล่น

อย่าง ซากุรางิ และ รุคาว่า โดยเฉพาะในรายของ ซากุรางิ ที่ไม่เคยเล่นบาสเกตบอลมาก่อนเลยนั้น เรียกได้ว่าอาจารย์อันไซ ประคบประหงมเหมือนกับแม่นกที่คอยป้อนอาหารและรอดูลูกนกเติบโตเลยทีเดียว ซากุรางิ ได้ถูกฝึกทักษะพื้นฐานจากอาจารย์อันไซโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการยืนชู้ตธรรมดากว่า 20,000 ลูก

และยังมีการทำแต้มแบบ “เลย์อัพ” ที่ ซากุรางิ เรียกว่า “ลูกชู้ตสามัญชน” ที่โดนเขี่ยวเข็ญอย่างหนัก ซึ่งเดิมที ซากุรางิ ก็ไม่ได้มั่นใจในตัวอาจารย์อันไซเท่าไรนัก แต่เมื่อเกิดการเดิมพันด้วยการดวลกันแบบ 1-1 ระหว่างตัวของเขากับ อาจารย์อันไซ และเป็นฝ่าย อาจารย์อันไซ ที่ชนะ จึงทำให้ ซากุรางิ ยอมรับเงื่อนไข

ก่อนจะค่อยๆ เห็นประโยชน์ของสิ่งที่อาจารย์อันไซพยายามฝึกให้กับเขา “คนที่ยังไม่ดีพอนั้นสามารถยกระดับตัวเองไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ แต่เขาคนนั้นต้องยอมรับในความอ่อนแอของตัวเองให้ได้ก่อน” นี่คือสิ่งที่ อาจารย์อันไซ พูดกับ ซากุรางิ ให้เข้าใจว่า คู่แข่งที่เขาจะได้เจอจากนี้จะเป็นคนที่เก่งมากๆ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาควรต้องเร่งพัฒนาตัวเอง ตัวซากุรางินั้นรักและเคารพในอาจารย์อันไซภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยในเรื่องมีการยัดดราม่าใส่เล็กน้อย จาก

เหตุการณ์ที่อาจารย์อันไซ เป็นโรคหัวใจกำเริบ ก่อนที่ซากุรางิ จะเป็นฮีโร่ที่เข้ามาช่วยชีวิตของอาจารย์ของเขาได้ทัน ขณะที่ รุคาว่า นั้นเก่งกาจอยู่แล้ว จึงถูกสอนโดยอาจารย์อันไซอีกแบบ ต่างกับซากุรางิอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่อาจารย์อันไซมอบให้กับ รุคาว่า นั้น ส่วนใหญ่จึงเป็นการให้คำแนะนำ การให้แนวความคิด และ

เตือนสติของเขาในวันที่ รุคาว่า คิดว่าตัวเองคือเบอร์ 1 จากความมั่นใจจนเกินไป ครั้งหนึ่งที่ รุคาว่า ตัดสินใจจะลาออกจากโรงเรียน โชโฮคุ เพื่อไปล่าฝันในสหรัฐอเมริกา (คาดว่าตั้งเป้าไว้ที่ NBA) ก่อนจะถูก อาจารย์อันไซ เตือนสติไว้ว่า “แทนที่จะไปอเมริกา ฉันอยากให้เธอเป็นผู้เล่นไฮสคูลอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น

ก่อน” ซึ่งทำให้ รุคาว่า ตระหนักได้ว่าตัวเองยังไม่สามารถพิชิตการแข่งทั่วประเทศได้ นับประสาอะไรกับการไปดินแดนต้นกำเนิดแห่งบาสเกตบอลอย่างอเมริกา สิ่งต่างๆ ที่อาจารย์อันไซทำนั้นเปลี่ยนให้ โชโฮคุ เป็นทีมที่ดี ถูกจับตามองจากทีมอื่นๆ มากมายและได้ไปแข่งขันชิงแชมป์ทั่วประเทศ (อินเตอร์ไฮ) ได้ดั่งตั้งใจ

ซึ่งในภาค อินเตอร์ไฮ นั้นเอง ที่ทำให้แฟนๆ นักอ่านเรื่องนี้ได้รู้เบื้องหลังและความสุดยอดของอาจารย์อันไซมากขึ้น มัจจุราชผมขาว ไม่มีใครรู้ว่าแต่ก่อนรูปร่างหน้าตาของอาจารย์อันไซ (สมัยคุมทีมมหาวิทยาลัย) นั้นเป็นเช่นไร แต่ที่รู้ๆ คือเขาเป็นโค้ชบาสเกตบอลที่โค้ชทั่วประเทศให้ความเคารพ และเรียกอาจารย์อัน

ไซด้วยการมีคำว่า “อาจารย์” (เซ็นเซย์) นำหน้า สิ่งที่ชัดเจนที่คือตอนแข่ง อินเตอร์ไฮ นั้น แม้แต่โค้ชของ เทคโนซังโน ทีมอันดับ 1 ของบาสเกตบอล ม.ปลายญี่ปุ่น ยังกล่าวขานความยอดเยี่ยมของ อาจารย์อันไซ เมื่อครั้งอดีตอีกด้วย จุดนี้เองที่ทำให้ความลับหลายอย่างนั้นเปิดเผยออกมาว่า ก่อนหน้าที่เขาจะถูกเรียก

ว่าพุทธองค์ อาจารย์อันไซ เคยถูกเรียกว่า มัจจุราชผมขาว มาก่อน โดยสมัยที่ยังคุมทีมมหาวิทยาลัยนั้น การดูและทีมและการโค้ชชิ่งต่างกับช่วงที่เขาเป็นโค้ชของ โชโฮคุ อย่างเห็นได้ชัด หากจะอธิบายให้เห็นภาพชัดๆ หน่อยคงต้องบอกว่า อันไซเวอร์ชั่นเก่านั้นเป็นพวกเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ หรือพวกเสพติดความสมบูรณ์

แบบ เขาพร้อมจะเคี่ยวเข็ญและใช้ไม้แข็ง เพื่อทำให้ทีมของตัวเองประสบความสำเร็จและทำให้ผู้เล่นในทีมกลายเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น แม้ว่าจะมีเจตนาดี แต่ชื่อเสียงของอันไซเวอร์ชั่นเก่านั้น ออกไปทางความโหดเสียมากกว่า ความต่างที่เห็นชัดจากช่วงที่คุมทีม โชโฮคุ คือ อาจารย์อันไซ ไม่เคี่ยวเข็ญผู้เล่นคนใดเลย

หากผู้เล่นคนนั้นไม่เต็มใจ แม้แต่ ซากุรางิ ที่เล่นบาสไม่เป็น อาจารย์อันไซ ก็ไม่ได้บังคับเลยแม้แต่น้อย แต่ใช้จิตวิทยาในการทำให้ ซากุรางิ เต็มใจทำตามและทุ่มเท 100% คำถามก็คือทำไมเขาจึงเปลี่ยนได้เป็นคนละคนขนาดนั้น และทำไมจากทีมมหาวิทยาลัยชื่อดัง (คาดคะเนเอาจากชื่อเสียงและความเคารพจากคน

อื่น) เขาจึงต้องมาลงเอยกับทีมอย่าง โชโฮคุ ? เรื่องนี้มีคำตอบโดยชื่อของตัวละครหนึ่งที่ไม่เคยถูกเขียนให้แฟนๆ เห็นหน้า เรียกได้ว่ามาแต่ชื่อ แต่ก็เป็นกุญแจสำคัญในการไขอดีตของอาจารย์อันไซได้เลยทีเดียว และชื่อนั้นคือ ริวจิ ยาซาว่า กุญแจไขอดีต ริวจิ ยาซาว่า เป็นนักบาสระดับมหาวิทยาลัยที่เก่งกาจมีฝีมือ

UFABETWINS

ขนาดไหนไม่มีใครรู้ แต่ก็น่าจะเก่งกาจเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เพราะเป้าหมายของ ยาซาว่า คือการไปอเมริกาเพื่อหวังจะเป็นผู้เล่น NBA ส่วนหนึ่งที่ทำให้ ยาซาว่า เป็นผู้เล่นที่เก่งระดับประเทศนั่นก็เพราะว่า “ปีศาจอันไซ” มีส่วนสำคัญเป็นที่สุด เขาเคี่ยวเข็ญ ยาซาว่า ด้วยการฝึกฝนที่หนักหน่วง มีแต่ไม้แข็งไม่มีไม้

อ่อน โดยเฉพาะการฝึกแบบซิกเนเจอร์ของอาจารย์อันไซนั่นคือ “การฝึกพื้นฐาน” ที่น่าจะจัดเต็มมากกว่าที่เขาเคยสอน ซากุรางิ ที่เป็นเด็ก ม.ปลาย (ในเรื่องเปรียบเทียบได้กับ ม.4) อย่างฟ้ากับเหวแน่นอน  ซึ่งการฝึกพื้นฐานให้คนที่เก่งอยู่แล้วนั้น ทำให้ ยาซาว่า ไม่พอใจการฝึกสอนของอาจารย์อันไซ อีกทั้งยังโดน

ตำหนิเรื่องการทัศนคติการเล่นแบบวันแมนโชว์ ไม่ให้ความสำคัญกับเพื่อนร่วมทีม จึงทำให้ความหวังดีของอาจารย์อันไซ ถูกมองเป็นอื่นไปผ่านการสอนไม้แข็งของเขา ทั้งหมดทำให้ ยาซาว่า ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย และมุ่งหน้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจารย์อันไซได้ห้ามปรามไว้เพราะเชื่อ

ว่าเขายังไม่เฟอร์เฟ็กต์มากขนาดนั้น แต่เมื่อถึงคราวแตกหัก ยาซาว่า ไม่สนและไปอเมริกาจริงๆ ตามเสียงหัวใจของตนเอง ใน Slamdunk Fandom ที่เป็นเว็บไซต์ที่ถูกเขียนโดยเหล่าแฟนพันธุ์แท้ของเรื่องนี้ อธิบายเหตุการณ์หลังจากการไปอเมริกาว่า หลังจากถึงแดนมะกัน ไม่มีข่าวคราวของยาซาว่าส่งกลับมาถึง

อาจารย์อันไซ นอกจากเทปการเล่น 1 ม้วน ที่ภายในบันทึกการเล่นของ ยาซาว่า ผู้ยังคงเป็นผู้เล่นที่ไม่ให้ความสำคัญกับการเล่นเป็นทีมเหมือนเช่นเคย หลังจากไม่ได้ข่าวลูกศิษย์ตัวเองมายาวนาน วันหนึ่ง อาจารย์อันไซ ได้ข่าวยืนยันว่า ยาซาว่า เสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และนั่นทำให้ อาจารย์อันไซ

เดินทางไปร่วมพิธีศพของ ยาซาว่า ซึ่งเขาไม่ได้กลับบ้านมือเปล่า มีจดหมาย 1 ฉบับจาก ยาซาว่า ที่เขาเขียนไว้แต่ไม่กล้าส่ง ซึ่งเนื้อความนั้นทำให้อาจารย์อันไซ เปลี่ยนจาก มัจจุราช กลายเป็น พุทธองค์ เนื้อความในจดหมายนั้น ยาซาว่า เขียนว่า เขาเสียใจอย่างที่สุดที่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับที่อาจารย์อันไซ

สอน โดยเฉพาะการไปอเมริกาทั้งที่โดนห้ามและเตือนไว้ เพราะเมื่อไปถึงอเมริกาแล้ว ยาซาว่า ไม่ได้รับการเหลียวแลจากทีมบาสมหาวิทยาลัย ไม่มีเพื่อนร่วมทีมสนับสนุน และนั่นทำให้เขากลายเป็นโรคซึมเศร้า ก่อนชีวิตจะมาถึงจุดจบในที่สุด … ซึ่งนั่นคือการปิดตำนานของ ยาซาว่า ในอเมริกา ความตายของยาซาว่า

เป็นเหตุผลที่ว่าทำไม อาจารย์อันไซ จึงขวางไม่ให้ รุคาว่า เดินทางไปอเมริกา และเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวของอาจารย์เองหมดไฟในการเป็นโค้ชบาสเกตบอล และเลือกจะลาออกมาเป็นอาจารย์ในโรงเรียนมัธยมปลายโชโฮคุ สิ่งที่เปลี่ยนไปก็อย่างที่เราได้เห็นในเรื่อง สแลมดังก์ นั่นเอง.. เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

โดยเฉพาะการลดความเร่าร้อนและความกระหายในความสำเร็จลงไปมาก จนกระทั่งได้เห็นการเข้ามาสู่ทีมของ ซากุรางิ และ รุคาว่า ในตอนพีกที่สุดของเรื่อง อย่างตอนที่ โชโฮคุ พบกับทีมอันดับ 1 ของประเทศอย่าง เทคโนซังโน แมตช์นั้นคือแมตช์ที่ผู้เล่นทุกคนของ โชโฮคุ ท็อปฟอร์มที่สุด โดยเฉพาะ ซากุรางิ นั้น

พัฒนาตัวเองจากนักบาสโนเนมกลายเป็น MVP ของเกมนั้น นอกจากนี้ รุคาว่า ยังฉายแววอัจฉริยะแบบเต็มสูบผ่านการเล่นที่ไม่มีใครหยุดเขาได้ สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ อาจารย์อันไซ รำพันกับตัวเองว่า “เห็นหรือยัง ยาซาว่า นี่คือผู้เล่นอัจฉริยะที่กำลังจะก้าวผ่านเธอไป แถมยังมีถึง 2 คนอีกต่างหาก” น่าเสียดาย ที่สุดท้าย

แล้วหลังจาก โชโฮคุ เอาชนะ เทคโนซังโน แล้ว สแลมดังก์ ก็ตัดจบกันแบบช็อคแฟนๆ (สาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างผู้เขียนกับกองบรรณาธิการ เรื่องผลการแข่งขันเกมดังกล่าวนั่นเอง) นั่นจึงทำให้เราไม่ได้รู้ว่า แท้จริงแล้วมีเรื่องอะไรของอาจารย์อันไซ และ ยาซาว่า ซ่อนอยู่อีกบ้าง รวมไปถึงคำที่อาจารย์อันไซ

บอกว่า ซากุรางิ กับ รุคาว่า เป็นอัจฉริยะที่เก่งกว่า ยาซาว่า นั้น ทั้งคู่เก่งได้อีกขนาดไหน แต่ที่แน่ๆ พุทธงค์สีขาวคนนี้ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ 2 อัจฉริยะเกิดขึ้นที่ โชโฮคุ และกลายเป็นตัวละครยอดนิยมของเรื่องอย่างแท้จริง

 

เพิ่มเติม  >>>  https://www.ufabetwins.com/

คลิกเลย  >>>  https://www.quel-reflex.com